Search

หลักนิติรัฐกับการใช้กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์...

  • Share this:

หลักนิติรัฐกับการใช้กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์กับการระงับข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นพนักงานสอบสวน

หลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยในเรื่องของการกระทำของรัฐหรือในการเมือง การปกครองรัฐที่เป็นไปตามแนวคิดหลักการสำคัญของหลักนิติรัฐ (Legal State) ที่เกี่ยวข้องและรองรับแนวคิดกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์กับการระงับข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นสอบสวน คือ เป็นปรัชญารากฐานในกฎหมายที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจรัฐและการจำกัดอำนาจรัฐ
ความคิดเรื่องหลักนิติรัฐเป็นความคิดของประชาชนที่ฝักใฝ่ ลัทธิปัจเจกนิยม (Individualism) และรัฐธรรมนูญ (Constitution) รัฐที่เป็นนิติรัฐนี้ต้องมีบทบัญญัติรับรองสิทธิเสรีภาพของราษฎร เช่น เสรีภาพในชีวิตร่างกาย ทรัพย์สิน เสรีภาพในการทำสัญญาและการประกอบอาชีพ เป็นต้น รัฐจึงมีฐานะเป็นคนรับใช้ของสังคมโดยถูกควบคุมอย่างเคร่งครัด จะเห็นได้ว่าการที่รัฐจะต้องเคารพต่อเสรีภาพต่างๆของราษฎรมีได้วิธีเดียว คือ รัฐยอมตนอยู่ใต้บังคับแห่งกฎหมายโดยเคร่งครัดเท่านั้นและตราบใดที่กฎหมายยังใช้อยู่กฎหมายนั้นก็ผูกมัดรัฐอยู่ กล่าวคือ ในรัฐที่เป็นนิติรัฐนั้นฝ่ายปกครองหรือทุกองค์กรที่ใช้อำนาจรัฐต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและดำเนินการต่างๆ ภายในขอบเขตของกฎหมาย การใช้อำนาจของฝ่ายปกครองต้องอ้างอิงแหล่งที่มาแห่งอำนาจนั้นจากกฎหมาย ต้องใช้อำนาจนั้นตามวัตถุประสงค์ที่กฎหมายกำหนดไว้ รวมทั้งในหลายๆกรณีต้องใช้รูปแบบหรือวิธีการที่กฎหมายกำหนดเอาได้ด้วย
ดังนั้นการที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง (รัฐใดรัฐหนึ่ง) จะเป็นนิติรัฐนั้นจะต้องมีลักษณะดังนี้

การกระทำของรัฐต้องชอบด้วยกฎหมาย

เมื่อผู้ปกครองรัฐยอมอยู่ใต้กฎหมาย เคารพและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆแห่งกฎหมาย ทั้งในด้านการรับรองคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และการกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการในการปฏิบัติงานตามหน้าที่ นักนิติศาสตร์จึงถือว่านิติรัฐเป็นรัฐที่มุ่งจำกัดและตีกรอบการใช้อำนาจของผู้ปกครองรัฐโดยกฎหมายและมิให้ใช้อำนาจนั้นไปโดยอำเภอใจโดยไม่มีขอบเขตหรือไร้กฎเกณฑ์จนทำลายสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้นให้ผู้ปกครองรัฐต้องปกครองภายใต้กรอบของกฎหมายเท่านั้น
ซึ่งเมื่อพิจารณากฎหมายที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์กับการระงับข้อพิพาทในชั้นพนักงานสอบสวนที่เป็นความผิดอาญาอันยอมความมิได้นั้นกฎหมายไม่ได้บัญญัติรับรองอำนาจให้กระทำได้ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นการที่จะให้ตำรวจมีอำนาจในการใช้กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์กับการระงับข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นพนักงานสอบสวนที่เป็นความผิดอันยอมความมิได้ดังกล่าว จะต้องมีการบัญญัติกฎหมายหรืออาจจะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายให้อำนาจดังกล่าวถึงจะกระทำได้ โดยนัยดังกล่าวกฎหมายจึงเป็นแหล่งที่มาของการให้อำนาจตำรวจและขณะเดียวกันกฎหมายก็เป็นข้อจำกัดหรือขอบเขตการใช้อำนาจของตำรวจไปในตัวด้วย

การกระทำของรัฐต้องอยู่ภายในขอบเขตของกฎหมาย

ในประเทศที่เป็นนิติรัฐ ขอบเขตแห่งอำนาจหน้าที่ของรัฐย่อมกำหนดไว้แน่นอน มีการแบ่งแยกอำนาจในการใช้อำนาจรัฐ (Separation of powers) ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นการเอาอำนาจอธิปไตยมาแบ่งออกเป็นส่วนๆ แต่เป็นการแบ่งหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ (Function of Powers) โดยหน้าที่อย่างหนึ่งมอบให้องค์กรหนึ่งเป็นผู้ใช้หัวใจสำคัญ ลักษณะการใช้อำนาจของรัฐที่ปรากฏออกมา (output) ควรแยกเป็น อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหารและอำนาจตุลาการ
ความมุ่งหมายแท้จริงของหลักการแบ่งแยกอำนาจจึงควรเป็นการกระจายหน้าที่ตามความสามารถเฉพาะด้านและดูแลให้เกิดการคานและดุลกัน (Check and Balance) เพื่อมิให้เกิดการใช้อำนาจโดยมิชอบกล่าวคือ
1. อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ในการจัดทำกฎหมายถ้าเป็นระบบการปกครองแบบรัฐสภา ร่างกฎหมายส่วนใหญ่จะเสนอโดยรัฐบาล (ฝ่ายบริหาร) และรัฐสภา (ฝ่ายนิติบัญญัติ) จะเป็นผู้พิจารณาต่อไปว่าจะรับหรือไม่ ถ้าเป็นระบบการปกครองแบบประธานาธิบดีการจัดทำกฎหมายเป็นการริเริ่มโดยรัฐสภา (ฝ่ายนิติบัญญัติ) แต่การประกาศให้บังคับกฎหมายต้องให้ประธานาธิบดีลงนาม ซึ่งประธานาธิบดีอาจใช้สิทธิยับยั้ง ไม่ยอมลงนามให้ใช้เป็นกฎหมาย เว้นแต่รัฐสภาจะยืนยันโดยมติพิเศษจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกสภา เป็นต้น ดังนั้นการที่จะรองรับแนวคิดกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์กับการระงับข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นสอบสวนได้นั้น จะต้องมีการตรากฎหมายโดยฝ่ายนิติบัญญัติขึ้นมามอบอำนาจให้ฝ่ายบริหารใช้อำนาจดังกล่าว
2. อำนาจบริหาร เป็นอำนาจของรัฐบาลฝ่ายบริหารการใช้อำนาจตามกฎหมาย 2 ลักษณะ คือ การใช้อำนาจบริหารกระทำในฐานะทางการเมืองโดยอาศัยอำนาจรัฐธรรมนูญเป็นหลักกับกระทำในฐานะฝ่ายปกครองโดยอาศัยอำนาจกฎหมายปกครองเป็นหลัก ซึ่งจะการกระทำดังกล่าวจะกระทำเกินขอบเขตของกฎหมายให้อำนาจไว้ไม่ได้ ดังนั้นการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์กับการระงับข้อพิพาทคดีอาญาที่กฎหมายให้อำนาจไว้ คือ การระงับข้อพิพาทคดีอาญาที่เป็นความความผิดอันยอมความได้เท่านั้น ฉะนั้นการระงับข้อพิพาทคดีอาญาที่เป็นความผิดอาญาอันยอมความมิได้นั้น ไม่สามารถที่จะกระทำได้ เพราะจะเป็นการกระทำการเกินขอบเขตของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ ดังนั้นฝ่ายบริหารในฐานะฝ่ายปกครอง คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์กับการระงับข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นสอบสวนที่เป็นความผิดอันยอมความมิได้ ต้องมีกฎหมายให้อำนาจถึงจะกระทำได้
3. อำนาจตุลาการ เป็นอำนาจที่ทุกคนเห็นตรงกันว่าต้องใช้โดยบุคคลที่มีความเป็นกลางและต้องมีความเป็นอิสระเพื่อค้ำประกันความเป็นกลางนั้นด้วย อำนาจวินิจฉัยคดี มอบหมายให้ศาล (ฝ่ายตุลาการ) เป็นผู้ใช้อำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาดคดีข้อพิพาทในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการใช้อำนาจทางนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัตินั้นเป็นการยากที่จะแยกอำนาจอธิปไตยออกจากกันอย่างเด็ดขาด การจะพิจารณาว่าการกระทำขององค์กร 1 ใน 3 นี้ องค์กรใดขัดหรือฝ่าฝืนต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจ (Separation of Powers) หรือไม่เพียงใด จึงพิจารณาเพียงว่าการกระทำนั้นๆจะต้องไม่กระทบแก่นของหลักการแบ่งแยกอำนาจ ซึ่งอาจพิจารณาได้จากหลักเกณฑ์ต่อไปนี้
1)ดูจากเจตนาว่าการกระทำนั้นๆว่าจะต้องไม่มีเจตนาร้ายที่จะขัดขวางการใช้อำนาจขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง
2)ดูจากผลของการกระทำนั้นๆว่าจะต้องไม่ส่งผลรุนแรงถึงขนาดที่ทำให้อำนาจอื่นไม่สามารถดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดได้
3)ดูจากปริมาณของกรณีที่ถูกกระทบว่าจะต้องไม่ก้าวก่ายเข้าไปในอำนาจอื่นหลายครั้ง หากเป็นกรณีครั้ง 2 ครั้งและไม่เข้าข่าย ข้อ (1) และ (2) ก็อาจพออนุโลม
ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงแนวคิดเรื่องนิติรัฐ (Legal State) กับการรองรับอำนาจในเรื่องการกระทำขององค์กรของรัฐฝ่ายบริหารในฐานะฝ่ายปกครอง เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์กับการระงับข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นพนักงานสอบสวนอันเป็นความผิดเล็กๆน้อยๆที่ดำเนินการไปแล้ว ไม่ก่อให้เกิดผลดีแก่สังคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการใช้อำนาจดำเนินกระบวนการยุติธรรมขององค์กรรัฐฝ่ายตุลาการ (ศาล) นั้นสามารถที่จะทำได้ เพราะไม่ได้ใช้อำนาจที่ขัดขวางในการใช้อำนาจตุลาการและไม่ได้ใช้อำนาจที่ส่งผลรุนแรงที่ทำให้อำนาจตุลาการใช้อำนาจหรือดำเนินการกระบวนการยุติธรรมทางอาญากระแสหลักถึงกับดำเนินการต่อไปไม่ได้

การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน
หลักการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของ

ประชาชน รัฐจะกระทำโดยอำเภอใจและมิชอบด้วยกฎหมายต่อประชาชนมิได้ เพราะรัฐได้ยอมตนอยู่ภายใต้ระบบกฎหมายและยอมผูกพันการกระทำใดๆของตนกับกฎเกณฑ์ของกฎหมายที่รัฐได้ตราขึ้นจึงมีหลักการที่สำคัญ คือ หลักการควบคุมไม่ให้กฎหมายขัดต่อรัฐธรรมนูญ หลักการควบคุมไม่ให้การกระทำขององค์กรของรัฐฝ่ายบริหารขัดต่อกฎหมาย โดยมีองค์กรของรัฐฝ่ายตุลาการเป็นผู้คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและรวมไปถึงองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีอำนาจในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนนั้นด้วยซึ่งแนวคิดหลักนิติรัฐดังกล่าวนี้จะเป็นแนวคิดที่รองรับหลักการกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์กับการระงับข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นพนักงานสอบสวน ในกรณีที่มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ดังกล่าว ในความผิดอาญาอันยอมความมิได้นั้นต้องมีกฎหมายให้อำนาจถึงกระทำได้ และต้องกระทำภายใต้ขอบเขตของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ โดยมีองค์กรตุลาการควบคุมตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายและความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ


Tags:

About author
not provided
ปัจุบัน พ้นจากการโมฆะบุรุษ รองศาสตราจารย์ประจำ คณะนิติศาสตร์
View all posts